การ พยาบาล Early Ambulation
1ในกรณีที่ผู้ป่วยสับสน หากต้องผูกมัด (restraint) ควรหาผ้านุ่มรองบริเวณที่รัดตรึงผู้ป่วย และควรประเมินผิวหนังบริเวณดังกล่าวด้วย 4. 2ยกไม้กั้นเตียงขึ้นไว้ตลอดเวลาเมื่อผู้ป่วยอยู่ตามลำพัง 5. ส่งเสริมภาวะสมดุลของสารน้ำและอิเล็คโทรลัยต์ 5. 1ตวงและบันทึกปริมาณน้ำเข้า/น้ำออก 5. 2วัดค่าความถ่วงจำเพาะของปัสสาวะ (urine specific gravity) 5. 3ติดตามผลการตรวจอิเล็คโทรไลต์ 5. 4ดูแลผู้ป่วยได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ พยายามให้ผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารทางปากได้ตามปกติให้เร็วที่สุด ประเมินภาวะกลืนลำบาก และภาวะ absence of gag reflex 6. ดูแลเรื่องความสุขสบายของผู้ป่วย 6. 1ดูแลความสะอาดทั่วๆ ไป ทั้งด้านร่างกายและสิ่งแวดล้อม 6. 2ให้ยาแก้ปวดตามแผนการรักษา 6. 3ประคบเย็นให้เมื่อมีอาการปวดศีรษะ 7. การเตรียมผู้ป่วยก่อนกลับบ้าน โดยส่งเสริมความรู้สึกมีคุณค่าในตนเองของผู้ป่วย ประเมินเครือข่ายทางสังคมของผู้ป่วย โดยเน้นการให้ข้อมูล ความรู้ และทักษะในการดูแลตนเองแก่ผู้ป่วยและญาติ ประเมินภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยในผู้ป่วยหลังผ่าตัดบริเวณต่อมพิทอิทารี่ คือ ภาวะเบาจืด (diabetes insipidus: DI) ที่เกิดเนื่องจากการลดปริมาณของ anitidiuretic hormone (ADH) อาการและอาการแสดงของภาวะเบาจืด คือ ปัสสาวะมาก (polyuria) และกระหายน้ำมาก (polydipsia) ผู้ป่วยจะปัสสาวะมากถึง 2-15 ลิตต่อวัน ค่าความถ่วงจำเพาะของปัสสาวะประมาณ 1.
Definition
F: เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดสมอง วัตถุประสงค์ ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด กิจกรรมการพยาบาล 1. ประเมินและบันทึกอาการ อาการแสดง และลักษณะทางคลินิก ดังต่อไปนี้ 1. 1ประเมินทางระบบประสาท (neurological signs) ได้แก่ Glasgow coma scale รูม่านตา motor power ลักษณะการหายใจ และประเมินสัญญาณชีพ 1. 2ประเมินลักษณะ สี จำนวน content ที่ออกมาจากท่อระบายซึ่งอาจเป็น ventriculostomy drain หรือ vacuum drain 2. ส่งเสริมการเคลื่อนไหว (mobility) โดย 2. 1กระตุ้นให้มีการพลิกตะแคงตัว (ถ้าไม่มีข้อห้าม) 2. 2กระตุ้นให้มี early ambulation ในกรณีหลังผ่าตัดใหม่ๆ ต้องระวังภาวะ postural hypotension ที่อาจเกิดกับผู้ป่วยได้ ควรไขหัวเตียง จัดให้นอนศีรษะสูงก่อนในระยะแรกก่อนที่จะให้ผู้ป่วยลงยืนข้างเตียง 3. ลดแรงดันในกะโหลกศีรษะ (decreased intracranial pressure) 3. 1จัดให้ผู้ป่วยนอนศีรษะสูง 30 องศา ศีรษะและลำคออยู่ในแนวตั้งตรง 3. 2ควรวางแผนในการทำกิจกรรมการพยาบาลให้กับผู้ป่วย โดยให้ผู้ป่วยได้พักบ้าง 3. 3หลีกเลี่ยงการกระตุ้นให้ผู้ป่วยไอ หรืออาเจียน 3. 4ดูดเสมหะเท่าที่จำเป็น และควรปฏิบัติอย่างระมัดระวังและนุ่มนวล 4. ดูแลด้านความปลอดภัยในแก่ผู้ป่วย 4.
5% การเตรียมมารดาเพื่อทำ C/S ประเมินสภาพมารดาและทารก - ประวัติการฝากครรภ์ - การตรวจร่างกายมารดา และการประเมินสภาพ - การตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น ผล HbsAG, Anti HIV, Hct, Blood group, Clothing time, Blood group matching 2. การเตรียมความสะอาดด้านร่างกาย: Skin preparation, NPO, S. S. E, Retained Foley, s cath 3.
Recovery
การเตรียมและดูแลผู้ป่วยโดยทั่วไปก่อนรับการผ่าตัด 1. ซักถามหรือสอบถามข้อมูลต่างๆ ตลอดจนการสังเกตอาการต่างๆ ของผู้ป่วยให้ถูกต้องและชัดเจน และควรซักถามจาญาติผู้ป่วยเพิ่มเติม 2. แนะนำหรือปฐมนิเทศให้ผู้ป่วยรู้จักสถานที่ สิ่งแวดล้อมต่างๆในหอผู้ป่วย 3. ประเมินค่าสัญญาณชีพ(vital signs) ชั่งน้ำหนัก 4. เก็บ Specimens ส่งตรวจทางห้องทดลองตามแผนการรักษา 5. ให้ผู้ป่วยเซ็นชื่อยินยอมรับการรักษาโดยการผ่าตัดตามแบบฟอร์มที่กำหนดไว้ในแต่ละโรงพยาบาล พร้อมทั้งมีพยานเซ็นชื่อกำกับไว้ด้วย 5. 1 ผู้ป่วยซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว มีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ สามารถเซ็นยินยอมได้ หากไม่บรรลุนิติภาวะแต่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป มีสติสัมปะชัญญะดี สามารถเซ็นใบยินยอมผ่าตัดได้ด้วยตนเองได้ 5. 2 ผู้ป่วยที่มีสุขภาพจิตที่ไม่สมบูรณ์ต้องให้บิดามารดาหรือผู้ปกครองตามกฎหมายเป็นผู้เซ็นใบยินยอม 5. 3 ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่รู้สึกตัว ไม่สามารถตามผู้ปกครองมาเซ็นใบยินยอมผ่าตัดและศัลยแพทย์ต้องรีบผ่าตัดเร่งด่วนเพื่อช่วยชีวิต ต้องให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบเป็นผู้เซ็นใบยินยอม 5. 4 ในกรณีผู้ป่วยหรือผู้ปกครองไม่สามารถเขียนหนังสือได้ ให้พิมพ์ลายนิ้วหัวแม่มือข้างขวาของผู้นั้น และให้เขียนกำกับตรงลายพิมพ์ว่า "ลายพิมพ์นิ้วหัวแม่มือขวาของผู้ป่วยหรือผู้ปกครองของผู้ป่วยนั้น" และให้พยานลงชื่อกำกับ 6.
Stage
005 หรือน้อยกว่า การตรวจทางห้องปฏิบัติการ ประเมินจากค่า serum osmolality, serum sodium, urine levels of sodium ถ้ามีภาวะเบาจืด สิ่งที่ตรวจพบ คือ ปัสสาวะออกมากกว่า 4 มล. /กก. /ชม. ร่วมกับ serum osmolality สูง urine osmolality ต่ำ วิธีการรักษา คือ ให้สารน้ำทดแทนและให้ฮอร์โมนต้านการขับถ่ายปัสสาวะ ทดแทน ได้แก่ demopressin (DDAVP) หรือ minirin ซึ่งให้ได้ทั้งทางหลอดเลือดดำหรือพ่นทางจมูก เอกสารอ้างอิง: เกศรินทร์ อุทริยะประสิทธิ์, ปรางทิพย์ ฉายพุทธ, & นภาพร วาณิชย์กุล. (2553). สาระหลักทางการพยาบาลศัลยศาสตร์ เล่ม 1. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์วัฒนาการพิมพ์. สุจิตรา ลิ้มอำนวยลาภ, การญจนา สิมาจารึก & เพลินตา ศิริปการ. (บรรณาธิการ). (2556). การพยาบาลผู้ป่วยผู้ใหญ่ในระยะวิกฤต. ขอนแก่น: ขอนแก่นการพิมพ์.
ดูแลสิ่งแวดล้อมให้น่าอยู่ ไม่มีเสียงรบกวนมาก ที่นอนควรเรียบตึง และสะอาดสิ่งแวดล้อมและของร่างกาย 15. สังเกตอาการและอาการแสดงของผู้ป่วยที่เกี่ยวกับภาวะการขาดน้ำ ภาวะขาดโซเดียมและโปตัสเซียม หากพบความผิดปกติควรรีบรายงานแพทย์เพื่อให้การรักษา 16. สังเกตอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด และติดตามผลการตรวจทางห้องทดลอง การตรวจทางรังสี และการตรวจพิเศษอื่นๆ หากพบอาการผิดปกติรายงานแพทย์ทราบ 17. ดูแลความสะอาดของผิวหนังและช่องปากเสมอ การเตรียมและการดูแลผู้ป่วยในเช้าวันผ่าตัด 1. การตรวจเยี่ยมผู้ป่วยที่เตรียมการผ่าตัด ซักถามการพักผ่อนนอนหลับ การงดอาหารและน้ำหลังเที่ยงคืน ผลการสวนอุจจาระ(ถ้ามี) และสังเกตอาการทั่วไป ตลอดจนกิจกรรมการรักษาพยาบาลพิเศษที่ให้กับผู้ป่วย เช่น การคาสายยางสำหรับการสวนปัสสาวะ การให้อาหารและน้ำทางหลอดเลือดดำ ฯลฯ 2. ตรวจดูความเรียบร้อยของผิวหนังบริเวณที่จะทำผ่าตัดว่าได้รับการทาผิวหนังด้วย Aseptic solutionในตอนเช้ามืดแล้ว 3. เก็บของมีค่า กิ๊บติดผม ฟันปลอม contact lens ฯลฯ จากตัวผู้ป่วยฝากไว้กับหัวหน้าตึกหรือพยาบาลประจำการ 4. บันทึกสัญญาณชีพ เพื่อประเมินสภาพการเปลี่ยนแปลงของตัวผู้ป่วย บันทึกไว้ในรายงานทางการพยาบาลสำหรับเปรียบเทียบในขณะที่ทำการผ่าตัด และบันทึกอาการและการรักษาพยาบาลที่ผู้ป่วยได้รับในรายงานทางการพยาบาลด้วย 5.
Photo
- การ พยาบาล early ambulation video
- สาม ปอย หางปลา
- การ พยาบาล early ambulation care
- Health check แปล ว่า video
- การ พยาบาล early ambulation treatment
- Urtica urens cream
แนะนำให้ผู้ป่วยงดสูบบุหรี่ในรายที่มีประวัติสูบบุหรี่ สำหรับผู้ป่วยที่รอเข้ารับการผ่าตัดชนิดรอได้ 7. รายงานแพทย์ทราบเมื่อประเมินสภาพผู้ป่วยแล้วพบว่า ผู้ป่วยมีประวัติดื่มสุราเรื้อรัง หรือติดยาเสพติด 8. อธิบายถึงการการเตรียมตัวผู้ป่วยให้ถูกต้อง 8. 1 การเตรียมผิวหนังก่อนการผ่าตัด 8. 2 การเตรียมลำไส้ก่อนการผ่าตัด 8. 3 การให้ยากล่อมประสาท 8. 4 การงดน้ำและอาหารก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง 8. 5 การให้ยาก่อนระงับความรู้สึกก่อนการผ่าตัด 9. สอนและแนะนำการออกกำลังกายบนเตียง 9. 1 การหายใจเข้าเต็มที่ช้าๆ และการหายใจออกยาวๆ 9. 2 การออกกำลังขาทั้งสองข้างขณะพักอยู่บนเตียง 9. 3 การพลิกตัวตะแคงซ้ายหรือขวา 10. การแนะนำให้ผู้ป่วยเกี่ยวกับการลุกเดินโดยเร็ว (Early ambulation) 11. ดูแลการได้รับสารอาหาร น้ำและอิเล็คโตรไลท์ บางรายที่มีภาวะโลหิตจางแพทย์มักให้เลือดทดแทน สำหรับผู้ป่วยที่รับประทานอาหารได้ก่อนการผ่าตัด พยาบาลดูแลให้ได้รับอาหารแคลอรี่สูง โปรตีน วิตามิน และเกลือแร่สูง 12. บันทึกจำนวนน้ำที่ได้รับและที่ขับถ่ายออกแต่ละวันให้ถูกต้องแน่นอน เพื่อความสมดุลของน้ำในร่างกาย 13. ชั่งน้ำหนักทุกวันตามแผนการรักษาของแพทย์ 14.
การผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง (Caesarean section) > Blog: A Rai Naa >>>
8 มิ. ย.